ข้อมูลเชิงลึก

Landing Page คืออะไร? วิธีสร้าง Landing Page แบบมืออาชีพ

ความสามารถในการเรียนรู้

532 ยอดดู

สารบัญ

ในธุรกิจออนไลน์ Landing Page ไม่ใช่แค่เว็บไซต์ธรรมดาๆ แต่เป็น “อาวุธ” ที่ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กและเจ้าของร้านค้าปิดการขายได้เร็วขึ้น เป็นจุดที่ทำให้ผู้เข้าชมตัดสินใจซื้อ ให้ข้อมูล หรือลงทะเบียนใช้บริการต่างๆ ในบทความนี้ คุณจะเข้าใจว่า Landing Page คืออะไร เหตุใดคุณจึงจำเป็นต้องใช้ และวิธีการสร้าง Landing Page ที่มีประสิทธิภาพตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อเพิ่มยอดขายโดยไม่ต้องมีความรู้ด้านการเขียนโปรแกรม

Landing Page คืออะไร?

ก่อนที่จะเรียนรู้วิธีสร้าง Landing Page คุณจำเป็นต้องเข้าใจแนวคิดพื้นฐานเสียก่อน Landing Page คือหน้าเว็บแบบสแตนด์อโลน ซึ่งโดยทั่วไปออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ ได้แก่ ขายสินค้า รวบรวมข้อมูลลูกค้า (Leads) หรือปุ่มเรียกร้องให้ดำเนินการ (CTA)

เทมเพลต Landing Page ของ GTG CRM

แตกต่างจากเว็บไซต์ทั่วไปที่มีหลายส่วน Landing Page มุ่งเน้นไปที่เป้าหมายเดียวเท่านั้น ตัวอย่างเช่น: ร้านค้าแฟชั่นสามารถสร้าง Landing Page แยกต่างหากสำหรับคอลเลกชั่นเสื้อเชิ้ตผู้ชาย แทนที่จะส่งลูกค้าไปยังหน้าแรกที่มีสินค้ามากเกินไปจนทำให้เสียสมาธิ

ทำไมเจ้าของร้านค้าออนไลน์และ SME ถึงจำเป็นต้องมี Landing Page?

ในขั้นตอนนี้ เจ้าของร้านค้าขนาดเล็กหลายรายมักสงสัยว่า: "ฉันมีแฟนเพจอยู่แล้ว ฉันจำเป็นต้องมี Landing Page หรือไม่?" คำตอบคือใช่ Landing Page คือ "จุดปิดการขาย" ที่ชัดเจนที่สุด ซึ่งคุณสามารถควบคุมข้อความ รูปภาพ และการเดินทางของลูกค้าทั้งหมดได้

ต่างจากแฟนเพจหรือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ Landing Page เป็นของคุณโดยสมบูรณ์ คุณสามารถแสดงโฆษณา แนบแบบฟอร์มรับลูกค้าเป้าหมาย ติดตั้ง Live Chat และวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าได้บนแพลตฟอร์มเดียว นี่เป็นเครื่องมือสำคัญหากคุณต้องการเพิ่มอัตราการแปลงลูกค้า (Conversion Rate) และเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุนทางการตลาด

วิธีสร้าง Landing Page ที่ได้มาตรฐาน SEO สำหรับเจ้าของร้านค้าออนไลน์ และ SMEs

เพื่อช่วยให้คุณเห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ด้านล่างนี้คือคำแนะนำโดยละเอียดเกี่ยวกับวิธีการสร้าง Landing Page ที่เหมาะสมกับเป้าหมายทางธุรกิจของคุณ

ขั้นตอนที่ 1: กำหนดเป้าหมายของ Landing Page

ก่อนเรียนรู้วิธีสร้าง Landing Page คุณต้องเข้าใจให้ชัดเจนว่า: ฉันต้องการให้หน้าเพจนี้ทำอะไร? หากเป้าหมายคือการรวบรวมลูกค้าเป้าหมาย คุณต้องมีแบบฟอร์มลงทะเบียนที่โดดเด่น หากคุณต้องการสร้าง Landing Page สำหรับการขาย CTA "ซื้อเลย" จะต้องอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม หากคุณจัดแคมเปญอีเวนต์ คุณต้องมีตัวจับเวลาถอยหลังเพื่อสร้าง FOMO

เป้าหมายที่ชัดเจนจะกำหนดโครงสร้าง เนื้อหา และฟีเจอร์ที่คุณต้องการบน Landing Page

ขั้นตอนที่ 2: ออกแบบ Landing Page

หากคุณไม่มีความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบ คุณสามารถจ้างทีมออกแบบ Landing Page เพื่อสร้าง Landing Page ตามความต้องการของคุณได้ โดยราคาสำหรับ Landing Page ที่สมบูรณ์อาจอยู่ระหว่าง  11 ล้านดอง ถึง 15 ล้านดอง

หากคุณรู้สึกว่าการจ้างนักออกแบบนั้นแพงเกินไป และการออกแบบด้วยตัวเองนั้นใช้เวลานาน นี่คือเวลาที่คุณควรมองหาเทมเพลตเครื่องมือสร้าง Landing Page ที่มีอยู่ โดย อุตสาหกรรม

ด้วย GTG CRM คุณเพียงแค่เลือกเทมเพลตที่เหมาะสม (เครื่องสำอาง แฟชั่น อาหารและเครื่องดื่ม อสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ) จากนั้นลากและวางเพื่อแก้ไขเนื้อหาและรูปภาพ ไม่จำเป็นต้องรู้โค้ด เพียง 10 นาที คุณก็จะมีหน้า Landing Page ที่สมบูรณ์สำหรับการขาย หากคุณยังหาเทมเพลต Landing Page ที่ถูกใจไม่ได้ คุณสามารถส่งคำขอ GTG CRM เพื่อสร้างเทมเพลตใหม่ให้คุณได้

ขั้นตอนที่ 3: เขียนเนื้อหามาตรฐาน SEO ด้วย AI

ร้านค้าออนไลน์ส่วนใหญ่มักมีปัญหาในการเขียนพาดหัวข่าว คำอธิบายเมตา หรือ CTA เนื้อหามักจะยาว ไม่น่าสนใจ และไม่มีคีย์เวิร์ด นี่คือเหตุผลที่การโฆษณาไม่มีประสิทธิภาพ

เพื่อให้ Landing Page ของคุณติดอันดับต้นๆ ในการค้นหา คุณต้องใส่ใจ 4 สิ่งต่อไปนี้:

1. พาดหัว (H1) - ชื่อเรื่องแรกที่ปรากฏในหน้า Landing Page ของคุณ

  • นี่คือปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจว่าลูกค้าจะอยู่ต่อหรือไป
  • หลักการ: สั้น (6-12 คำ) ประกอบด้วย คำหลัก และเน้น ผลประโยชน์โดยตรง ของสินค้า/บริการ

ตัวอย่าง: แทนที่จะเขียนว่า “รองเท้าหนังผู้ชายคุณภาพสูง” ให้เขียนว่า “รองเท้าหนังผู้ชายคุณภาพสูง – ใช้งานได้นานกว่า 2 ปี ลด 30% วันนี้” .

2. คำอธิบาย Meta - คำอธิบายที่แสดงบน Google

  • ยาวตั้งแต่ 140-160 ตัวอักษร , มี คำหลัก และแนะนำประโยชน์ + CTA
  • สูตร: [สินค้า/บริการ] + [ประโยชน์หลัก] + [คำกระตุ้นการตัดสินใจ]

ตัวอย่างเช่น: “หน้า Landing Page ขายสินค้าที่ได้มาตรฐาน SEO ช่วยให้ร้านค้าออนไลน์เพิ่มยอดสั่งซื้อได้สองเท่า ลองใช้ GTG CRM ฟรีวันนี้!” .

3. เนื้อหาบนหน้า - แบ่งและปรับแต่งให้เหมาะสมกับคีย์เวิร์ด

  • ย่อหน้าเปิด : อธิบายปัญหา (ปัญหา) ของลูกค้าโดยสังเขป จากนั้นเสนอวิธีแก้ไข (สินค้า/บริการของคุณ)
  • ส่วนต่อไปนี้ : ใช้ H2/H3 ที่มีคีย์เวิร์ดรอง (เช่น: ประโยชน์ของการสร้าง Landing Page , วิธีดึงดูดลูกค้าจาก Landing Page , Landing Page แตกต่างจากเว็บไซต์อย่างไร )
  • CTA ที่ชัดเจน : ใส่ปุ่ม "ลงทะเบียนเลย", "ทดลองใช้ฟรี", "รับคำแนะนำ" ไว้ในหลายๆ ตำแหน่ง อย่างน้อยที่สุดที่ต้น กลาง และท้ายหน้า

ตัวอย่างเฉพาะ:

  • H2: ทำไมร้านค้าออนไลน์จึงต้องใช้ Landing Page เพื่อขายสินค้า
  • ย่อหน้า: อธิบายเหตุผล + แทรก CTA → “สร้าง Landing Page ด้วย GTG CRM ในเวลาเพียง 10 นาที”

ขั้นตอนที่ 4: ค้นหารูปภาพประกอบ

Landing Page ที่ไม่มีรูปภาพประกอบอย่างมืออาชีพจะรักษาลูกค้าไว้ได้ยาก ขั้นแรก คุณต้องกำหนดขนาดของรูปภาพที่ต้องการใช้ ซึ่งโดยปกติแล้ว Landing Page จะมีรูปภาพประเภทต่อไปนี้ รูปภาพ:

  • รูปภาพหลัก (รูปภาพขนาดใหญ่ที่ด้านบนของหน้า): ใช้เพื่อสื่อถึงประโยชน์/คุณค่าหลัก ขนาดแนวนอนที่แนะนำคือ 1600-1920 พิกเซล
  • รูปภาพผลิตภัณฑ์/บริการ: ปรับมุม 45 องศาให้เหมาะสม พื้นหลังสะอาดตา หากเป็นบริการ ให้ใช้ภาพจำลองกระบวนการหรือภาพ "ก่อน-หลัง"
  • รูปภาพบริบท (ไลฟ์สไตล์/กรณีการใช้งาน): แสดงผลิตภัณฑ์ที่กำลังใช้งานอยู่ในบริบทจริง → เพิ่มความน่าเชื่อถือ
  • รูปภาพคำรับรอง (คำรับรอง/กรณีการใช้งาน): ภาพลูกค้า + คำพูดสั้นๆ
  • ภาพประกอบประโยชน์ ไอคอน: ไอคอนเรียบง่าย 3-6 อัน สอดคล้องกับสีของแบรนด์

หมายเหตุ:

  • ชื่อไฟล์รูปภาพ: ไม่มีเครื่องหมายเน้นเสียง ใช้คีย์เวิร์ดหลัก/รอง (เช่น: landing-page-ban-hang-my-pham.webp )
  • ข้อความแสดงแทน (8-12 คำ): อธิบายรูปภาพ + แทรกคีย์เวิร์ดอย่างชาญฉลาด หลีกเลี่ยงการใส่คำซ้ำ (เช่น: “เซรั่มวิตามินซีช่วยให้ผิวกระจ่างใสบนพื้นหลังไม้ – หน้า Landing Page เครื่องสำอาง” )
  • รูปแบบ: ลำดับความสำคัญ WebP สำหรับภาพประกอบ; PNG สำหรับโลโก้ (พื้นหลังโปร่งใส)
  • ขนาดและความจุ: สำหรับรูปภาพที่จะแสดงในกรอบที่ถูกต้อง: ขนาด < 300KB (ตัวอักษรหลัก < 500KB)
  • ความสม่ำเสมอ: รูปแบบภาพที่สม่ำเสมอ (แสง โทนสี) เพื่อเสริมสร้างความเป็นมืออาชีพ

ขั้นตอนที่ 5: เพิ่มแบบฟอร์มลงทะเบียนและรับลูกค้า ข้อมูล

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแปลง คุณควรวางแบบฟอร์มในส่วนหลักหรือใกล้กับ CTA ที่สำคัญ แบบฟอร์มควรกระชับ รวบรวมเฉพาะข้อมูลที่จำเป็น เช่น ชื่อ อีเมล หมายเลขโทรศัพท์ ปรับแต่งชื่อแบบฟอร์ม (เช่น "สมัครเลย รับส่วนลด 20%") และใช้ปุ่ม CTA ที่ชัดเจน

ขั้นตอนที่ 6: เปิดใช้งานแชทสด และช่องทางการส่งข้อความหลายช่องทาง

เพื่อให้ผู้เข้าชมไม่เพียงแต่สามารถอ่านข้อมูลได้ แต่ยังโต้ตอบกันได้โดยตรง คุณจำเป็นต้องผสานรวมแชทสดหรือช่องทางการส่งข้อความที่คุ้นเคยเข้าด้วยกัน นี่คือสะพานที่ช่วยให้ธุรกิจตอบกลับได้ทันทีและสร้างความรู้สึกเป็นมืออาชีพให้กับลูกค้า

  • เลือกเครื่องมือแชทสด : คุณสามารถใช้แพลตฟอร์มยอดนิยม เช่น Tawk.to (ฟรี), Crisp หรือ LiveChat ช่วยให้คุณสร้างวิดเจ็ตแชทได้ภายในไม่กี่นาที
  • แทรกลงในหน้า Landing Page : หลังจากลงทะเบียน คุณจะได้รับโค้ดสั้นๆ แทรกโค้ดนี้ลงใน  <head>  หรือก่อนหน้า  </body> ของหน้า Landing Page หากคุณใช้แพลตฟอร์มสร้างหน้า Landing Page อยู่แล้ว เพียงวางโค้ดลงในส่วน "สคริปต์ที่กำหนดเอง" หรือ "ปลั๊กอินแชท"
  • จ้างงานภายนอกหากจำเป็น : หากคุณไม่คุ้นเคยกับการปฏิบัติงานด้านเทคนิค คุณสามารถจ้างฟรีแลนซ์ได้ที่ Fiverr, Upwork หรือเอเจนซี่ขนาดเล็กที่จะช่วยคุณผสานรวม โดยทั่วไปค่าใช้จ่ายจะอยู่ระหว่างหลักแสนถึงหลักล้าน ขึ้นอยู่กับความต้องการ

นอกจาก Live Chat แล้ว อย่าลืมติดตั้ง Messenger Chat Plugin (Facebook ให้บริการฟรี) หรือปุ่ม Zalo OA เพื่อให้ลูกค้าเลือกช่องทางที่คุ้นเคยที่สุด

ขั้นตอนที่ 7: ทดสอบและปรับแต่งก่อนใช้งาน

ก่อนเปิดตัว Landing Page คุณต้องทดสอบทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างทำงานได้อย่างราบรื่นและสร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นให้กับลูกค้า:

  • ทดสอบการแสดงผลบนอุปกรณ์หลายเครื่อง : ดู Landing Page บนเดสก์ท็อป แท็บเล็ต และมือถือ เพื่อให้แน่ใจว่าเลย์เอาต์ถูกต้อง เสีย
  • ตรวจสอบความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ : ใช้ Google PageSpeed ​​​​Insights หรือ GTmetrix เพื่อทดสอบ ปรับแต่งรูปภาพและสคริปต์ เพื่อให้แน่ใจว่าหน้าเว็บโหลดเสร็จภายใน 3 วินาที
  • ทดสอบแบบฟอร์มลงทะเบียน : กรอกอีเมล/หมายเลขโทรศัพท์ของคุณ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลถูกส่งและรับคำติชม (อีเมล, SMS)
  • ตรวจสอบลิงก์และปุ่ม CTA : ตรวจสอบให้แน่ใจว่าปุ่มทั้งหมด (ซื้อเลย, ลงทะเบียน, ติดต่อ...) ทำงานได้อย่างถูกต้อง
  • ขอให้เพื่อน/เพื่อนร่วมงานทดสอบ : ส่งลิงก์ให้คนสองสามคนเพื่อรับคำติชมเกี่ยวกับประสบการณ์การใช้งาน ซึ่งจะช่วยให้คุณเห็นข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ที่หายไป

ข้อเสนอแนะสำหรับ Landing เครื่องมือสร้างเพจ

1. GTG CRM: ให้ลูกค้าสามารถลากและวางเพื่อออกแบบ เลือกเทมเพลตตามอุตสาหกรรม ใช้ AI เขียนเนื้อหาตามมาตรฐาน SEO และสร้างรูปภาพได้ทันที ทุก Landing Page ผสานรวม Live Chat แบบฟอร์มบันทึกลูกค้าเป้าหมาย และซิงค์ข้อมูลกับ CRM คุณยังสามารถเชื่อมต่อ Messenger และ Zalo เพื่อแชทกับลูกค้าโดยตรง เปลี่ยนผู้เข้าชมเป็นลูกค้าได้ทันที

2. Ladipage.vn: จุดเด่นอยู่ที่เทมเพลตที่สวยงามและใช้งานง่ายแบบลากและวางมากมาย แต่ขาดฟีเจอร์การจัดการลูกค้า CRM แบบบูรณาการ

3. Haravan.com: โดดเด่นในด้านอีคอมเมิร์ซ แต่เน้นการขายออนไลน์มากกว่าการปรับแต่งเนื้อหาทางการตลาด

4. GetResponse: เครื่องมือระดับสากล ใช้งานได้หลากหลาย แต่ราคาสูง ซับซ้อน สำหรับธุรกิจ SME

บทสรุป

วิธีการสร้าง Landing Page ที่มีประสิทธิภาพไม่ใช่แค่การสร้างเว็บไซต์ แต่เป็นการสร้าง "เครื่องมือปิดการขาย" สำหรับร้านค้าออนไลน์และธุรกิจ SME เมื่อคุณมี Landing Page ที่ได้มาตรฐาน SEO เชื่อมต่อกับแบรนด์ ผสานรวมกับ Live Chat และ CRM คุณจะประหยัดต้นทุนและเพิ่มอัตราการปิดการขายได้ หากคุณต้องการสัมผัสความแตกต่าง ลอง ทดลองใช้ GTG CRM ฟรี - แพลตฟอร์มที่ช่วยให้คุณสร้าง Landing Page ได้ภายใน 10 นาที โดยไม่ต้องมีความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคหรือการออกแบบ

พร้อมเติบโตไปกับ GTG CRM

ทดลองใช้ฟรี 14 วัน
ฟีเจอร์ครบทุกอย่าง
ไม่ต้องใช้บัตรเครดิต