ข้อมูลเชิงลึก

08 KPI สำคัญในการโปรโมตบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก

ความสามารถในการเรียนรู้

532 ยอดดู

สารบัญ

ในยุคดิจิทัล โซเชียลเน็ตเวิร์กไม่เพียงแต่เป็นพื้นที่สำหรับการติดต่อกับเพื่อนฝูงเท่านั้น แต่ยังกลายเป็น “ดินแดนทอง” สำหรับธุรกิจต่างๆ ในการโปรโมตแบรนด์ เข้าถึงลูกค้าเป้าหมาย และเพิ่มรายได้ อย่างไรก็ตาม หลายธุรกิจประสบปัญหาในการวัดประสิทธิภาพของแคมเปญ นำไปสู่ ​​“การใช้จ่ายเงินโดยไม่รู้ว่าแคมเปญนั้นมีประสิทธิภาพหรือไม่” จุดนี้เองที่ KPI (ตัวชี้วัดประสิทธิภาพหลัก) มีบทบาทสำคัญ

KPI ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณรู้ว่าแคมเปญของคุณเป็นไปตามแผนหรือไม่ แต่ยังช่วยให้คุณเห็นจุดที่คุณต้องปรับปรุงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ในบทความนี้ เราจะสำรวจ KPI ที่สำคัญที่สุดในการโปรโมตบนโซเชียลมีเดียและความหมายเชิงปฏิบัติของ KPI

KPI คืออะไร และทำไมจึงควรวัดผลในการโปรโมตบนโซเชียลมีเดีย

ก่อนที่จะพูดถึง KPI แต่ละรายการ เรามาทำความเข้าใจแนวคิดกันก่อน KPI (ตัวชี้วัดประสิทธิภาพหลัก) คือตัวชี้วัดที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งตั้งขึ้นเพื่อประเมินความสำเร็จของกิจกรรมเมื่อเทียบกับเป้าหมายเดิม ในด้านการตลาด KPI ช่วยให้ธุรกิจทราบว่าแคมเปญส่งเสริมการขายของตนเข้าถึงลูกค้าเป้าหมาย สร้างรายได้ และคุ้มค่าหรือไม่

KPI คืออะไร? ทำไมจึงสำคัญ?

การวัด KPI ในการโปรโมตบนโซเชียลมีเดียมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจาก:

  • โซเชียลมีเดียมีลักษณะเฉพาะแบบ “เรียลไทม์” หากคุณไม่ติดตามอย่างสม่ำเสมอ ความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ในการกำหนดเป้าหมายหรือเนื้อหาอาจทำให้งบประมาณของคุณ "ระเหย" ได้อย่างรวดเร็ว
  • KPI ช่วยให้ธุรกิจมองเห็นภาพรวม: ตั้งแต่การครอบคลุม การมีส่วนร่วม อัตราการแปลง และรายได้
  • ที่สำคัญกว่านั้น KPI ยังเป็นพื้นฐานสำหรับการปรับปรุง แทนที่จะคาดเดา คุณจะรู้ได้อย่างแม่นยำว่าต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ตั้งแต่เนื้อหา รูปภาพ ไปจนถึงกลยุทธ์การกำหนดเป้าหมาย

กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากไม่มี KPI การโปรโมตบนโซเชียลมีเดียก็เหมือนกับการ “โยนเงินทิ้งไป”

08 KPI โซเชียลมีเดียที่คุณไม่ควรมองข้าม

แต่ละแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมีระบบข้อมูลของตัวเอง แต่เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนจากตัวชี้วัดมากเกินไป ธุรกิจควรมุ่งเน้นไปที่ KPI หลักที่สามารถนำไปใช้กับทุกช่องทางได้ นี่คือ 08 KPI ที่สำคัญที่สุด ที่คุณต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินประสิทธิภาพทางการตลาด:

1. Reach - ความครอบคลุมของเนื้อหา

ก่อนที่เราจะพูดถึง Conversion หรือรายได้ ขั้นตอนแรกคือจำนวนคนที่เห็นเนื้อหาของคุณ Reach คือการวัดจำนวนผู้ใช้ที่ไม่ซ้ำกันที่ได้เห็นโพสต์หรือโฆษณาของคุณ:

  • ในทางปฏิบัติหมายความว่าอย่างไร: Reach บอกคุณว่าข้อความของคุณแพร่กระจายไปในวงกว้างแค่ไหน ตัวอย่างเช่น โพสต์ที่มี Reach 50,000 หมายความว่ามีคน 50,000 คนได้เห็นเนื้อหานั้นอย่างน้อยหนึ่งครั้ง
  • เมื่อใดที่ควรใส่ใจ: หาก Reach ต่ำ เนื้อหาอาจไม่น่าสนใจ ไม่ได้รับการปรับให้เหมาะสมกับอัลกอริทึม (เช่น บน Facebook, TikTok) หรืองบประมาณโฆษณาไม่เหมาะสม

2. การมีส่วนร่วม - ระดับปฏิสัมพันธ์

การมียอดการเข้าถึงสูงไม่ได้หมายความว่าจะประสบความสำเร็จ สิ่งสำคัญคือลูกค้ามีปฏิกิริยาอย่างไรต่อเนื้อหานั้น การมีส่วนร่วมประกอบด้วยยอดไลก์ คอมเมนต์ แชร์ บันทึก หรือการดำเนินการใดๆ ที่แสดงถึงความสนใจ:

  • ความหมายเชิงปฏิบัติ: การมีส่วนร่วมสูงแสดงให้เห็นว่าเนื้อหานั้นเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าได้อย่างถูกต้อง ตัวอย่างเช่น วิดีโอที่ได้รับคอมเมนต์จำนวนมาก ที่แบ่งปันประสบการณ์จริง พิสูจน์ได้ว่าวิดีโอนั้นสร้างการเชื่อมโยง
  • วิธีใช้: ธุรกิจสามารถเปรียบเทียบอัตราการมีส่วนร่วม = จำนวนการโต้ตอบทั้งหมด / จำนวนการเข้าถึงทั้งหมด ซึ่งเป็นดัชนีที่มีประโยชน์ในการประเมิน "ความน่าสนใจ" ของเนื้อหา โดยไม่คำนึงถึงงบประมาณโฆษณา

3. CTR (อัตราการคลิกผ่าน) - อัตราการคลิกผ่าน

หากโพสต์มีลิงก์ (เช่น หน้า Landing Page, เว็บไซต์สินค้า) CTR เป็นหนึ่งใน KPI ที่สำคัญที่สุด นี่คือเปอร์เซ็นต์ของผู้คนที่คลิกลิงก์หารด้วยจำนวนการแสดงผลทั้งหมด:

  • ในทางปฏิบัติหมายความว่าอย่างไร: CTR บอกคุณว่าเนื้อหาของคุณ "กระตุ้นการกระทำ" เพียงพอหรือไม่ พาดหัวข่าวที่ดี รูปภาพที่สะดุดตา และ CTA (Call-to-Action) ที่ชัดเจน จะช่วยเพิ่ม CTR ได้อย่างมาก
  • ตัวอย่างเช่น: แคมเปญที่มีการแสดงผล 100,000 ครั้ง แต่มีการคลิกเพียง 500 ครั้ง (CTR = 0.5%) แสดงให้เห็นว่าคุณจำเป็นต้องเพิ่มประสิทธิภาพ CTA ของคุณ หรือปรับแต่งข้อความของคุณให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น

4. อัตราการแปลง - อัตราการแปลง

หลังจากที่ลูกค้าคลิกลิงก์ สิ่งสำคัญที่สุดคือพวกเขาจะดำเนินการต่อไปหรือไม่ เช่น กรอกแบบฟอร์ม ซื้อสินค้า หรือดาวน์โหลดแอป... อัตราการแปลงวัดผลลัพธ์สุดท้ายนี้:

  • ความหมายเชิงปฏิบัติ: นี่คือ KPI ที่เชื่อมโยงโดยตรงกับรายได้ แคมเปญที่มี CTR สูงแต่ Conversion ต่ำ หมายความว่าลูกค้าสนใจแต่ยังไม่มั่นใจพอที่จะดำเนินการ
  • การประยุกต์ใช้: SMEs สามารถติดตามอัตราการแปลงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ Landing Page ข้อความขาย หรือกระบวนการซื้อ

5. CPM & CPC - ต้นทุนการโฆษณา

เมื่อลงโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย คุณต้องใส่ใจกับต้นทุน:

  • CPM (ต้นทุนต่อหนึ่งพันครั้ง): ต้นทุนสำหรับการแสดงผล 1,000 ครั้ง
  • CPC (ต้นทุนต่อคลิก): ต้นทุนต่อคลิก
  • ความหมายเชิงปฏิบัติ: CPM และ CPC ช่วยให้คุณทราบว่างบประมาณของคุณถูกใช้ไปอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ ตัวอย่างเช่น หาก CPM สูงเกินไป อาจเป็นเพราะกลุ่มเป้าหมายไม่ถูกต้องหรือเนื้อหาโฆษณาไม่น่าสนใจ

6. ต้นทุนการได้มาซึ่งลูกค้า (CAC) - ต้นทุนในการหาลูกค้าใหม่

CAC คือต้นทุนการตลาดและการขายทั้งหมดหารด้วยจำนวนลูกค้าใหม่ที่ได้รับ นี่เป็นหนึ่งใน KPI “สำคัญ” ที่จะรู้ว่าแคมเปญนั้นทำกำไรได้จริงหรือไม่:

  • ความหมายในทางปฏิบัติ: หากคุณใช้เงิน 200,000 ดองเพื่อให้ลูกค้าซื้อสินค้าราคา 150,000 ดอง แสดงว่าแคมเปญนั้นไม่มีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน
  • การประยุกต์ใช้: SMEs สามารถรวม CAC เข้ากับมูลค่าตลอดชีพของลูกค้า (CLV) เพื่อให้ทราบว่าการลงทุนนั้น คุ้มค่าหรือไม่

7. การวิเคราะห์ความรู้สึก - ดัชนีความเชื่อมั่นของลูกค้า

นอกจากตัวเลขที่ “แน่นอน” แล้ว สิ่งที่ลูกค้า พูดถึง และ รู้สึก เกี่ยวกับแบรนด์ก็เป็น KPI ที่สำคัญเช่นกัน การวิเคราะห์ความรู้สึกจะวัดเปอร์เซ็นต์ของการตอบสนองเชิงบวก เป็นกลาง หรือเชิงลบ:

  • ความสำคัญเชิงปฏิบัติ: โพสต์ที่มีความคิดเห็นนับพัน แต่ส่วนใหญ่มักเป็นเชิงลบ ถือว่าไม่ประสบความสำเร็จ
  • การประยุกต์ใช้: ธุรกิจสามารถใช้เครื่องมือรับฟังความคิดเห็นจากสังคม (เช่น Buzzmetrics, YouNet Media) เพื่อติดตามอารมณ์ของลูกค้า เพื่อปรับเปลี่ยนเนื้อหาและแคมเปญ

8. ROI (ผลตอบแทนจากการลงทุน) - ผลตอบแทนจากการลงทุน

สุดท้ายนี้ KPI “ขั้นสูงสุด” ในทุกแคมเปญการตลาดคือ ROI นี่คือตัวบ่งชี้ที่บอกคุณว่าคุณได้รับกำไรเท่าใดจากทุกดอลลาร์ที่ใช้จ่ายไป

  • การคำนวณอย่างง่าย: ROI = (รายได้ – ต้นทุน) / ต้นทุน x 100%
  • ความหมายในทางปฏิบัติ: ROI ที่เป็นบวกหมายความว่าแคมเปญนั้นทำกำไรได้ ROI ที่เป็นลบหมายความว่าแคมเปญนั้นขาดทุน นี่คือดัชนีที่ฝ่ายบริหารใช้ในการตัดสินใจว่าจะดำเนินการหรือหยุดแคมเปญต่อไป

วิธีการวัด KPI ของโซเชียลมีเดีย

หลังจากเข้าใจตัวบ่งชี้สำคัญที่ต้องติดตามบนโซเชียลมีเดียแล้ว คำถามต่อไปคือ: จะรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้เพื่อปรับกลยุทธ์ได้อย่างทันท่วงทีได้อย่างไร คำตอบอยู่ที่เครื่องมือวัดผล ที่คุณสามารถอ้างอิงได้ด้านล่างนี้:

แพลตฟอร์มเนทีฟ

ด้วยแพลตฟอร์มเนทีฟอย่าง Meta Business Suite สำหรับ Facebook และ Instagram TikTok Analytics หรือ LinkedIn Analytics คุณสามารถติดตามตัวชี้วัดพื้นฐาน เช่น การเข้าถึง การแสดงผล การเติบโตของผู้ติดตาม และการมีส่วนร่วมได้โดยตรง

ตัวอย่างเช่น ใน Meta Business Suite ส่วน Insight ช่วยให้คุณเห็นรายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนคนที่เห็นเนื้อหาของคุณ ความถี่ในการแสดง และอัตราการมีส่วนร่วม TikTok และ LinkedIn ก็มีแผงการวิเคราะห์ที่คล้ายกัน ซึ่งช่วยให้คุณเปรียบเทียบแต่ละโพสต์และปรับแต่งเนื้อหาได้

ข้อดีของเครื่องมือเหล่านี้คือใช้งานได้ฟรีและใช้งานได้โดยตรงจากแพลตฟอร์ม แต่ข้อเสียคือคุณจะต้องเข้าสู่ระบบและวิเคราะห์แต่ละช่องทางแยกกัน ซึ่งค่อนข้างใช้เวลานานหากธุรกิจดำเนินงานบนหลายแพลตฟอร์ม

Google Analytics (GA4)

Google Analytics (GA4) เป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้เมื่อคุณต้องการประเมินคุณภาพการเข้าชมจากโซเชียลมีเดียมายังเว็บไซต์ของคุณ การติดตั้งการติดตาม UTM เข้ากับลิงก์ที่แชร์จะช่วยให้คุณเห็นได้อย่างชัดเจนว่าช่องทางใด และแม้แต่แคมเปญใด ที่สร้างปริมาณการเข้าชมและ Conversion ได้มากที่สุด

ใน GA4 ส่วน การได้มา → การได้มาของปริมาณการเข้าชม → แหล่งที่มา/สื่อของเซสชัน ช่วยให้คุณกรองข้อมูลเพื่อดูว่าผู้ใช้มาจาก Facebook, Instagram, LinkedIn หรือ TikTok หรือไม่ และวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้หลังจากเข้าชมเว็บไซต์ เช่น เวลาที่ใช้ จำนวนหน้าที่ดู และอัตราการตีกลับ สิ่งนี้สำคัญอย่างยิ่งหากคุณต้องการแสดง ROI จากโซเชียลมีเดีย

อินเทอร์เฟซการติดตามลูกค้า GA4

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจาก GA4 คุณจำเป็นต้องตั้งค่า UTM และกำหนดค่า GA4 ให้ถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งต้องอาศัยความรู้ทางเทคนิคเล็กน้อย มิฉะนั้นการวัดผลของคุณอาจไม่แม่นยำ นอกจากนี้ การวิเคราะห์ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพก็เป็นปัญหาที่ยากเช่นกัน เนื่องจากมีข้อมูลที่ซับซ้อนมากเกินไป

GTG CRM

สำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในเวียดนาม ทางเลือกที่ครอบคลุมกว่าคือ GTG CRM

GTG CRM - แพลตฟอร์มการตลาดแบบครบวงจรที่ผสานรวม AI เข้ากับ คุณสมบัติ

นี่คือแพลตฟอร์มการตลาดแบบออลอินวัน ขับเคลื่อนด้วย AI ที่ช่วยให้คุณเชื่อมต่อช่องทางโซเชียลมีเดียหลายช่องทาง กำหนดเวลาและสร้างโพสต์ จัดการข้อความหลายช่องทาง และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ติดตาม KPI ได้จากศูนย์กลางในแดชบอร์ดเดียว

AI อัจฉริยะของ GTG CRM ช่วยให้คุณสร้างคอนเทนต์โฆษณาแบบหลายช่องทาง

แทนที่จะต้องใช้เครื่องมือทีละตัว คุณสามารถดูจำนวนการเข้าถึง, CTR หรือ CPC, ... จากโพสต์หรือโฆษณาได้ใน GTG CRM

GTG CRM มีแดชบอร์ดที่รายงานประสิทธิภาพการโฆษณาแบบหลายช่องทางอย่างละเอียด

นอกจากนี้ AI ที่รวมอยู่ใน GTG CRM ยังช่วยให้คุณสร้างโพสต์และรูปภาพสำหรับหลายแพลตฟอร์มได้อย่างรวดเร็ว

สร้างเนื้อหาข้ามแพลตฟอร์มด้วย AI ได้อย่างง่ายดาย

สรุปสั้นๆ ก็คือ หากคุณเพิ่งเริ่มต้น เครื่องมือพื้นฐานก็เพียงพอแล้วสำหรับการเริ่มต้น หากคุณต้องการวัดปริมาณการเข้าชมและการแปลง Google Analytics จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมที่ครอบคลุมมากขึ้น แต่หากคุณต้องการประหยัดเวลา บริหารจัดการจากส่วนกลาง และเปลี่ยนข้อมูลให้เป็นการดำเนินการทางธุรกิจที่เป็นรูปธรรม GTG CRM คือโซลูชันที่ดีที่สุดสำหรับ SMEs

หากคุณยังสงสัยว่าควรติดตามตัวชี้วัดใดสำหรับแต่ละแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย SEMRush ได้รวบรวมคู่มือโดยละเอียดที่จะช่วยให้คุณระบุและเลือก KPI ที่สำคัญที่สุดเพื่อวัดประสิทธิภาพของแคมเปญได้อย่างง่ายดาย

เมตริกสำหรับติดตามแต่ละแพลตฟอร์มที่ SEMRush นำเสนอ

ที่มา: SEMRush

สรุป

การโปรโมตบนโซเชียลมีเดียไม่ใช่แค่การโพสต์และลงโฆษณาเท่านั้น แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือการวัดประสิทธิภาพผ่าน KPI ตั้งแต่การเข้าถึง (Reach), การมีส่วนร่วม (Engagement), อัตรา CTR (CTR), การแปลง (Conversion) และผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ตัวชี้วัดแต่ละอย่างล้วนเป็น “ส่วนหนึ่ง” ของภาพรวมประสิทธิภาพทางการตลาด

สำหรับ SME การทำความเข้าใจและติดตาม KPI ของโซเชียลมีเดียไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณจัดสรรงบประมาณได้อย่างเหมาะสม แต่ยังช่วยปรับปรุงคุณภาพเนื้อหา เพิ่มอัตราการแปลง (Conversion Rate) และเพิ่มรายได้สูงสุดในที่สุด แทนที่จะต้องวุ่นวายกับแอปพลิเคชันมากมายที่ใช้เวลานาน GTG CRM นำเสนอโซลูชันแบบครบวงจร ช่วยให้คุณจัดการข้อมูล วัดผลประสิทธิภาพ และนำการตลาดอัตโนมัติไปใช้งานบนแพลตฟอร์มเดียว

พร้อมเติบโตไปกับ GTG CRM

ทดลองใช้ฟรี 14 วัน
ฟีเจอร์ครบทุกอย่าง
ไม่ต้องใช้บัตรเครดิต