ความสามารถในการเรียนรู้
532 ยอดดู
สารบัญ
พฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน การสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคลจึงไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นมาตรฐานการอยู่รอดของทุกแบรนด์ ในยุค AI ธุรกิจที่ใช้ประโยชน์จากข้อมูลและเทคโนโลยีเพื่อทำความเข้าใจลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นกำลังก้าวขึ้นเป็นผู้นำ
รายงานจาก Pragmatic Digital ระบุว่า แบรนด์ระดับโลกสามแบรนด์ ได้แก่ Nike, L’Oréal และ Starbucks เป็นตัวอย่างสำคัญของการใช้ AI Marketing เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการโฆษณา คาดการณ์พฤติกรรมการซื้อ และรักษาลูกค้า
ผลลัพธ์: รายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ความภักดีที่เพิ่มขึ้น และประสบการณ์แบรนด์ที่เป็นส่วนตัวมากขึ้นกว่าที่เคย
ในอดีต การตลาดต้องอาศัยสัญชาตญาณและความคิดสร้างสรรค์เป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้ ข้อมูลและ AI ได้เปลี่ยนแปลงวิธีที่แบรนด์เข้าถึงลูกค้าไปอย่างสิ้นเชิง
ตั้งแต่การระบุตัวตนของผู้ซื้อเป้าหมายไปจนถึงเวลาที่พวกเขาพร้อมตัดสินใจ ทุกอย่างสามารถคาดการณ์ได้ด้วย AI
สามแบรนด์ชั้นนำ Nike, L’Oréal และ Starbucks ได้พิสูจน์แล้วว่า ด้วยการผสมผสานข้อมูล ความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยี ธุรกิจต่างๆ สามารถ เปลี่ยนการตลาดให้เป็นเครื่องมือการเติบโตที่ยั่งยืน ไม่ใช่แค่ค่าใช้จ่ายในการโฆษณา
Nike คือแบรนด์กีฬาชั้นนำของโลก เป็นที่รู้จักในด้านจิตวิญญาณ "Just Do It" และความผูกพันทางอารมณ์อันแน่นแฟ้นกับคนรักกีฬา แต่เบื้องหลังแคมเปญที่สร้างแรงบันดาลใจ Nike ยังเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ก้าวหน้าที่สุด ที่ใช้เทคโนโลยีข้อมูล ในด้านการตลาด
Nike ใช้ AI และวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมผู้ใช้ จากแอป Nike Run Club เว็บไซต์ และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เพื่อทำความเข้าใจแต่ละบุคคล ทั้งระยะทางการวิ่ง สินค้าที่ชอบ และเวลาที่ซื้อเป็นประจำ
อินเทอร์เฟซแอป Nike Run Club
ที่มา: Nike Run Club
จากนั้น ระบบ AI จะปรับแต่งข้อความทางการตลาดโดยอัตโนมัติ เช่น การส่งอีเมลหรือการแจ้งเตือนแบบพุชเพื่อแนะนำรองเท้าที่เหมาะสมสำหรับนักวิ่งเทรล หรือข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าประจำ
จากรายงานภายใน กลยุทธ์การปรับแต่งส่วนบุคคลที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยให้ Nike เพิ่มอัตราการมีส่วนร่วมและรายได้จากช่องทางออนไลน์ได้อย่างมีนัยสำคัญ ในขณะเดียวกันก็รักษาความสัมพันธ์ระยะยาวกับผู้บริโภคผ่านประสบการณ์ที่ปรับแต่งเฉพาะบุคคลอย่างลึกซึ้ง
L’Oréal - กลุ่มธุรกิจเครื่องสำอางที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยึดมั่นในแนวคิด "เทคโนโลยีความงาม" เสมอมา โดยผสานเทคโนโลยีและความงามเข้าด้วยกัน เพื่อให้บริการแก่ผู้หญิงและผู้ชายหลายล้านคนทั่วโลก
L’Oréal พัฒนาเครื่องมือต่างๆ เช่น ModiFace - แอปพลิเคชัน AI ที่ให้ลูกค้าสามารถลองสีลิปสติก สีผม หรือสไตล์การแต่งหน้าได้บนโทรศัพท์มือถือ โดยใช้เทคโนโลยีการจดจำใบหน้า
ModiFace ของ L’Oréal ช่วยให้ผู้ใช้ลองลิปสติกโดยใช้ AI
ที่มา: Allure
นอกจากนี้ ระบบ AI ยังวิเคราะห์ลักษณะผิวและพฤติกรรมการซื้อเพื่อ แนะนำผลิตภัณฑ์เฉพาะบุคคล ตัวอย่างเช่น แนะนำผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะกับสภาพอากาศและความชื้นในพื้นที่ที่ลูกค้าอาศัยอยู่
นับตั้งแต่เริ่มนำระบบนี้มาใช้ เทคโนโลยี L’Oréal บันทึกการเพิ่มขึ้นอย่างมากในอัตราการแปลงและความพึงพอใจของลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่องทางอีคอมเมิร์ซ พวกเขาไม่ได้แค่ขายผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังเป็นที่ปรึกษาด้านความงามส่วนตัวให้กับผู้ใช้แต่ละคนอีกด้วย
ในฐานะเครือร้านกาแฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก Starbucks ไม่เพียงแต่มีชื่อเสียงในด้านประสบการณ์ภายในร้านเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญในการ การนำข้อมูลมาประยุกต์ใช้เพื่อการตลาดแบบเฉพาะบุคคล
หนึ่งในร้าน Starbucks
Starbucks ได้พัฒนาระบบ Deep Brew AI แพลตฟอร์มข้อมูลที่คาดการณ์พฤติกรรมการซื้อของลูกค้าแต่ละรายโดยอิงจากประวัติการทำธุรกรรม สภาพอากาศ ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ และแม้กระทั่งช่วงเวลาของวัน
ด้วยเหตุนี้ ลูกค้าแต่ละรายที่เปิดแอปจึงเห็น คำแนะนำหรือข้อเสนอเครื่องดื่มที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น กาแฟเย็นสำหรับวันที่อากาศร้อน หรือเครื่องดื่มอุ่นๆ สำหรับเช้าวันฤดูหนาว
AI ช่วย Starbucks เพิ่มอัตราการซื้อซ้ำและรายได้เฉลี่ยต่อลูกค้า (ARPU) พร้อมรักษาความภักดีผ่าน Starbucks Rewards
นี่คือตัวอย่างที่ดีเยี่ยมของ AI ไม่เพียงแต่ทำให้การตลาดเป็นระบบอัตโนมัติ แต่ยังสร้างความรู้สึกใส่ใจส่วนตัวให้กับลูกค้าแต่ละรายอีกด้วย
สิ่งที่แบรนด์ระดับโลกทั้งสามนี้มีเหมือนกันคือ AI ช่วยให้พวกเขาเข้าใจลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นกว่าที่เคย
สิ่งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มรายได้ แต่ยัง สร้างความภักดี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับทุกธุรกิจ
SMEs สามารถเรียนรู้ได้ว่า: AI ไม่ได้อยู่ไกลอีกต่อไป แม้ไม่มีงบประมาณหลายล้านดอลลาร์ ธุรกิจก็ยังสามารถใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อ:
ได้รับแรงบันดาลใจจากแบรนด์ระดับโลก GTG CRM ผสานรวมเครื่องมือ AI Marketing ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็ก ปรับกระบวนการปรับแต่งให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าให้เป็นระบบอัตโนมัติ ได้อย่างง่ายดาย
ด้วย GTG CRM คุณสามารถ:
ดังนั้น SME จึงสามารถ ทำการตลาดได้อย่างชาญฉลาดเท่า Nike ซับซ้อนเท่า L'Oréal และใกล้เคียง Starbucks โดยไม่ต้องมีทีมงานด้านเทคนิคหรือต้นทุนสูง
กรณีศึกษาของ Nike ลอรีอัลและสตาร์บัคส์แสดงให้เห็นว่า AI ไม่ได้เป็นเพียงแค่เทคโนโลยี แต่เป็นกลไกในการสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับลูกค้า ทั้งสามแบรนด์ได้เปลี่ยนข้อมูลให้เป็นอารมณ์ และเปลี่ยนอารมณ์ให้เป็นความภักดี ซึ่งเป็นคุณค่าที่ยั่งยืนที่สุดในธุรกิจ
ด้วย GTG CRM ธุรกิจขนาดเล็กก็สามารถทำเช่นเดียวกันได้ นั่นคือการนำ AI มาใช้เพื่อทำความเข้าใจลูกค้า ปรับแต่งประสบการณ์ของลูกค้า และเปลี่ยนแคมเปญการตลาดแต่ละรายการให้เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ





